วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

My Happy W-Day & The Adventure

คำถามเดิมๆ ที่เจอมาตลอดที่คบกับคุณสามี (ณ เวลาก่อนแต่งงาน) เป็นเวลามา 5 ปีครึ่ง เชื่อมั๊ยคะว่า เจอแต่คำถามซ้ำๆ เดิมๆ ตลอด ยิ่งวันเวลาที่คบกันยาวนานขึ้น ก็จะเจอคำถามนี้ถี่ขึ้นเรื่อย ว่า เมื่อไหร่จะแต่ง จะมีข่าวดีเมื่อไหร่ แต่งงานได้แล้วม๊าง ยังไม่แต่งงานหรอ อะไรประมาณนี้ ซ้ำไปวนมา จนบางทีเริ่มรู้สึกอึดอัด ไม่อยากตอบ (ถามกันอยู่ได้ ก็ผู้ชายยังไม่ขอนิหน่า จะไปแต่งได้งัย เน๊อะ 555) ... จนในที่สุด วันแห่งการรอคอยก็สิ้นสุดลง พร้อมกับหัวสมองแล่นแพลนเรื่องงานแต่งของเราสองคน

เรามีเวลาเตรียมงานนานมากค่ะ ประมาณเกือบปี แต่กว่าจะตระเตรียมงานในทุกรายละเอียด ออกแบบการ์ด จัดทำของชำร่วย ดีไซน์การตบแต่งสถานที่ เฟ้นหาชุดแต่งงาน แพลนสำหรับเตียมรับพ่อแม่สามีจากบราซิล เตรียมการเดินทางและต้อนรับแขกจาก ตจว. ร่อนการ์ดเชิญแขกเรื่อเพื่อมาเป็นเกียรติในวันแต่งงานของเราเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบจะก่อนวันงานแค่วันเดียว เนื่องจากติดภาระกิจมากมายหลายประการ แถมคุณว่าที่เค้าก็ไม่สามารถช่วยอะไรเราได้มาก เล่นเอาทุลักทุเลเลยทีเดียว

เชื่อมั๊ยคะว่า ช่วงงานแต่ง ฟิวส์เจออุปสรรคปัญหามากมาย จนแทบจะเป็นลม ล้มทั้งยืนเลยทีเดียว ตั้งแต่ วันก่อนวันงาน 1 วันห้องที่จองให้แขกอยู่ๆ ก็ถูกแคนเซิล รูปภาพขนาดใหญ่มากกกหายไปแบบไร้ร่องรอย เหลือทิ้งไว้แค่ขาตั้งขนาด 2 ม. x 1.8 ม. ให้ดูต่างหน้า ตั้งใจว่าจะเอาไว้ใช้ตบแต่งสถานที่ อุตส่าห์ไปทำและแบกมาจาก กทม (งานแต่งฟิวส์จัดที่บ้านเกิดค่ะ จ.พะเยา) คนช่วยขนสัมภาระจากที่บ้านไปโรงแรมหายจ้อย (เตี้ยมกันไว้แล้วแท้ๆ) โอ๊ยจะบ้าตาย วันงานก็เกิดความชุลมุนกับการจัดการในส่วนของชำร่วย (ทั้งๆ ที่แพลนมาเรียบร้อยแล้ว) ทีมช่างภาพมาถึงงานช้าไม่ทันถ่ายภาพเก็บบรรยากาศช่วงแต่งตัวในพิธีเช้า ไฟโรงแรมตก ลิฟท์ค้าง แอร์ไม่เย็น จนมาเกิดเรื่องหนักสุดคือ พี่ช่างภาพเค้าประมาท (บวกกับความซวยมากของตัวเอง) ทำชุดเจ้าสาวเลอะทั้งชุด จากชุดเจ้าสาวสีขาวจั๊วะ กลายเป็นสีดำปี๋ในไม่กี่นาที เลยต้องวิ่งวุ่นไปหาเช่าชุดเพื่อใช้สำหรับงานเลี้ยงเย็นแบบทุลักทุเล งานเลยก็ดีเลย์ไปบ้าง สรุปว่างานเกือบล่ม ... แต่ทุกอย่างก็ผ่านมา และจบแบบสวยงาม (แขกเรื่อไม่มีใครรู้เรื่องอุบัติเหตุเลย แต่เจ้าสาวสติดับไปแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง เอิ้กๆๆๆ) 

เอาเป็นว่าอยากมาแชร์ประสบการ์ให้ว่าที่เจ้าสาวทุกท่านเตรียมพร้อมกับทุกสถานะการณ์ และต้องมีสติเสมอ ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะร้ายแรง และน่าปรี๊ดแตกขนาดไหน The Show Must Go On นะคะ 

พอเวลาผ่านไป เราจะหัวเราะกับมันได้ และยิ้มให้ตัวเอง ภูมิใจกับความเข้มแข็งและมีสติของเรา จนสามารถพาตัวเองให้ผ่านพ้นเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาได้ (แอบปลอบใจตัวเอง อิอิ)

ขอบคุณครอบครัวทั้งสองฝ่าย เพื่อนรักทุกคนที่คอยยืนเคียงข้าง ประคับประคองให้ผ่านเหตุการณ์มาได้ด้วยดี สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่า จริงๆ แล้ว เหตุการณ์ร้ายๆ สอนให้ทำเราเข้มแข็งขึ้น แกร่งขึ้น และทำให้รู้ว่ายังมีคนที่รักและหวังดีกับเรามากมายแค่ไหน ... นี่และค่ะ ที่โบราณเค้าว่า โชคร้ายจะกลายเป็นดี







วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

คนบราซิลเค้ากินอะไรกันนะ (Brazilian Food)

The similarities in the differences between Brazilian food and Thai food!!!

ไปๆ มาๆ ประเทศไทย-บราซิล ก็หลายครา แต่ก็แค่ประเดี๋ยวประด๋าว แค่มาเที่ยวแล้วก็กลับไปเมืองไทย แต่รอบนี้ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่บราซิลเป็นการถาวร มาอยู่แบบจริงจัง ทำเอาใจหวิวๆ เหมือนกัน หวั่นใจว่า เอ เราจะอยู่ได้มั๊ย จะอึดได้นานซักแค่ไหนเชียว เพราะเท่าที่รู้กิติศัพท์เกี่ยวกับการมาใช้ชีวิตอยู่ที่บราซิลมันช่าง... เอาเป็นว่า พยายามทำใจ คิดบวก แล้วก็แพ็คกระเป๋า บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเป็นต่างด้าวที่เมืองแซมบ้า

ในมุมมองของฟิวส์ "บราซิล" จริงๆ แล้วช่างเหมือนบ้านพี่เมืองน้องกับประเทศไทยเสียจริงๆ เพราะอาหารการกิน ลักษณะนิสัยสบายๆ ของคนบราซิลจะคลับคล้ายคลับคลากับคนบ้านเรา เอ้า เริ่มใจชื้นขึ้นมานิดนึงแล้วละ งั้นวันนี้ขอเปิดด้วยเรื่องถนัดแล้วกันนะคะ อาหารการกินของคนบราซิล


Arroz com Feijão

ข้าว ซุปถั่ว และกับข้าวค่ะ
Arroz (อา-โฮส) หมายถึง ข้าว ส่วน Feijão (เฟย-เจา) หมายถึง ถั่ว

     อาหารหลักของชาวบราซิลคือ ข้าว เหมือนคนไทย จะแตกต่างกันแค่เพียง คนบราซิลจะทานข้าวกับซุปถั่วข้นๆ (Feijão) โดยเค้าจะเอา Feijão ราดข้าว แล้วคลุกผสมรวมกับข้าวทาน การทำ Feijão นั้นไม่ใช่แค่เอาถั่วไปต้มน้ำเฉยๆ นะคะ แต่จะปรุงรสตามสไตล์บราซิเลี่ยน ใส่หอมหัวใหญ่ ใส่กระเทียม แล้วปรุงรส ต้มเคี่ยวให้น้ำซุปข้นๆ นิดนึง ออกมาหน้าตา กลิ่น และรสอร่อยพอตัวเลยค่ะ เหนือจากทาน ข้าวและ Feijão เฉยๆ แล้ว บางคนก็จะอาจจะโรย Farinha de Mandioca (มันคือแป้งชนิดนึง เอาโรยแล้วคลุกข้าวผสมเฟเจากิน) ทานร่วมกับข้าวและเฟเจาด้วยอีกที อันนี้อธิบายยาก แต่ถ้ามีโอกาสต้องลองชิม หรือลองถามเพื่อนๆ หรือคนรู้จักชาวบราซิเลี่ยนดูนะคะ เกี่ยวกับ Arroz com Feijão ว่าเป็นยังไง บราซิเลี่ยนแท้ๆ เค้ากินกันทุกบ้านค่ะ รับรอง



Churrasco

Churrasco 

       พูดถึงอาหารบราซิล จะไม่เอ่ยถึงบาร์บีคิวสไตล์บราซิลเลี่ยนที่โด่งดัง หรือที่เรียกว่า Churrasco ก็คงเหมือนจะมาไม่ถึงบราซิลจริง คนที่นี่เค้าชอบเฮฮาปาร์ตี้กันมาก ส่วนใหญ่แทบจะทุกวันอาทิตย์ สมาชิกครอบครัวจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทำ Churrasco กินกัน วิธีการทำก็ง่ายๆ โดยเอาเนื้อส่วนที่ชอบเป็นชิ้นใหญ่ๆ เสียบเหล็กโรยด้วยเกลือเม็ดๆ เอาไปปิ้งๆ ย่างๆ ในเตา พอสุกก็หั่นเสิร์ฟ เวลาที่ทำ Churrasco กัน นอกเหนือจากเนื้อวัวแล้ว ก็จะมีไส้กรอก น่องไก่ ปีกไก่ และหัวใจไก่ย่าง ... จะว่าไปก็คล้ายๆ ปิ้งย่างกับบ้านเราเน๊อะ แต่ขาดน้ำจิ้มแจ่ว ไม่ก็น้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ ถ้ามีจะเพอร์เฟ็คมากกกก ว่าแล้วก็น้ำลายไหล หุหุ

(สามารถอ่านดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในโพสต์ที่เกี่ยวกับ Churrasco นะคะ ^^)




Pastel 

     เจ้า Pastel (ป๊าส-แตล) ลักษณะมันออกจะเป็นของว่างมากกว่าอาหารหลัก แต่ก็แอบหนักซักหน่อย แบบว่ากินชิ้นเดียวอิ่มไป 1 มื้ออะไรประมาณนี้ หน้าตาจะคล้ายๆ กับแผ่นแป้งห่อไส้ข้างในทอด กรอบนอกนุ่มใน มีหลากหลายไส้ให้เลือก จะว่าไปก็คล้ายๆ Puff ยักษ์ ทอดกรอบ อิอิ อร่อยดีค่ะ แถมอ้วนด้วย 555 ส่วนไส้โปรดของฟิวส์คือ Especial de Frango (ไส้ไก่พิเศษ) และ Palmito (อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไร แต่อร่อยมว๊าก) ไม่ได้มีแต่ไก่นะคะ ชีสเยิ้มเต็มไปหมดเลย หุหุ



Strogonoff 

       จานนี้ อ่านว่า สะโตรกานอฟฟี่ เป็นอีกเมนูที่อร่อยแบบกินแล้วต้องกินอีก มันจะเป็นซุปข้นๆ คล้ายๆซุปครีม เพราะมีส่วนประสมหลักจาก Creme de Leite (นมข้นแบบไม่หวาน) ส่วนตัวฟิวส์แล้วคิดว่ามันคล้ายๆ กับแพนงบ้านเรา แต่จะแบบไม่เผ็ด ไม่มีพริกแกง และเป็นซุปเนื้อครีมๆ ข้นๆ แบบอาหารฝรั่ง

       Strogonoff นี้มีทั้งStroganoff เนื้อ และ เนื้อไก่ แต่ขอโหวตให้ Strogonoff de Frango ชนะเลิศค่าาา ยอมให้เลย มีต่อจาน 2 จาน 3 ได้ด้วย อิอิ


Feijoada 

       Feijoada (เฟย-โจ-อา-ดะ) จะคล้ายๆ กับ Feijão ที่เป็นซุปถั่ว แต่ต่างกับที่ Feijoada จะเป็นสตูถั่วดำ และมีเนื้อหมู หรือไส้กรอก เป็นส่วนประกอบสำคัญ คนบราซิลนิยมทานกับข้าว หน้าตาก็ประมาณนี้ค่ะ







เริ่มเยอะ เริ่มเห็นรูปอาหารแล้วหิว งั้นขอโพสต์รูปโชว์อาหารของขบเคี้ยวที่บังเอิญมาเจอ แล้ว "อ้าว เฮ้ย คล้ายของบ้านเราเลย" ละกันนะคะ ไม่งั้นท้องร้องจ๊อกๆ แน่ๆ อิอิ 






วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

ทำเรื่องลงทะเบียนแต่งงาน และ สมัคร Permanent Residency Visa (ในบราซิล)

Transcrição de casamento & Visto de permanência por casamento 


       ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนนะคะ ว่าทุกอย่าง Based on ประสบการณ์ส่วนตัวของฟิวส์เองนะคะ อาจจะแตกต่างจากเคสของคนอื่น เพราะฉนั้นควรจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความชัวร์ด้วยนะคะ เอาละค่ะ ฟิวส์ได้พูดถึงการทำเรื่องจดทะเบียนสมรสในประเทศไทยกับสามีชาวบราซิลไปแล้ว วันนี้ก็จะขอมาแชร์ประสบการณ์ตรงว่ามีอะไรบ้าง ต้องทำอะไรบ้าง (กรณีที่จดทะเบียนสมรสกันที่ประเทศไทยมาแล้ว) หลังจากย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่บราซิลขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำคืออะไรนะคะ

ขอแบ่งออกเป็น 2 ช่วงนะคะ คือ

     1) Transcrição de casamento ในบราซิล 
     2) ยื่นสมัคร Visto de permanência por casamento


Transcrição de Casamento


       หลังจากที่บินมาถึงบราซิล พักพอหายเหนื่อย หายกันเจ็ทแล็คประมาณ 1 อาทิตย์ สามีฟิวส์เค้าเริ่มปฏิบัติการพาไปยื่นเอกสารแต่งงาน โดยพระเอกของขั้นตอนนี้คือใบที่สถานทูตบราซิลในประเทศไทยออกให้ เพื่อทำการคอนเฟิร์มการแต่งงานค่ะ โดยที่เราสองคนไปทำที่ Cartório ในตัวเมืองเซาเปาโล (จริงๆ แล้ว Cartório มีอยู่ทุกๆ เมือง ลองสอบถามเค้าดูนะคะว่าสามารถแจ้งทำเรื่องที่ในเมืองที่อยู่ได้เลยมั๊ย แต่กรณีฟิวส์ เมืองที่ฟิวส์อยู่เค้าบอกให้เข้าไปทำในเซาเปาโลเลย เพราะไม่ไกลค่ะ)


  การขอทำ Marriage Registration หรือที่เรียกภาษา Portuguese เรียกว่า
Transcrição de casamento นั้น ขั้นตอนง่ายมาก ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ เราเตรียมใบเซอร์เกี่ยวกับการแต่งงานของเราที่สถานทูตออกให้ พร้อมกับใบเกิดของคุณสามี และ ID Card ของคุณสามี จากนั้นไปแจ้งที่เคาท์เตอร์ว่ามาทำ Transcrição de casamento เค้าก็จะให้ฟอร์มเรามากรอก แล้วก็ชำระค่าธรรมเนียม จากนั้นก็รอรับเอกสารในอีก 5 วันทำการค่ะ ... เสร็จเรียบร้อยไป 1 ขั้นตอน ง่ายและรวดเร็วมาก อิอิ


รูปด้านล่างทางขวามือนี้ คือหน้าตาของเอกสารที่เราจะได้จาก Cartório นะคะ มันคือ Certidão de Casamento หรือทะเบียนสมรสเวอร์ชั่นบราซิลเลี่ยนนั่นเองค่ะ จริงๆ แล้วเค้าก็เอาข้อมูลทั้งหมดมากจากใบรับรองการแต่งงานของเราที่ทางสถานทูตบราซิลในประเทศไทยออกให้ เอาข้อมูลในนั้นมา issued ใบนี้ให้เราเท่านั้นเองค่ะ (แหม่ ทำซะหลายขั้นตอนเลย หุหุ)



(ภาพเปรียบเทียบจากซ้ายไปขาวนะคะ: ทะเบียนสมรสไทย - ใบจากสถานทูตบราซิลในไทย - ทะเบียนสมรสบราซิล)


Visto de Permanência por Casamento


พอได้ใบทะเบียนสมรสเวอร์ชั่นบราซิลแล้ว ยังค่ะ เรายังไม่ตรงดิ่งไปทำวีซ่ากันเลยนะคะ เพราะว่าเราต้องทำการเตรียมเอกสารอีกนิดนึง เพื่อตัดความยุ่งยากลำบาก

เอกสารที่เราจะต้องใช้ในการยื่นขอ Residency Visa จะมีดังนี้ค่ะ
  • รูปถ่าย 1" ของคู่สมรสชาวต่างชาติ (เราเอง) 2 รูป
  • รูปถ่าย 1" ของสามีชาวบราซิล 1 รูป
  • Passport ของคู่สมรสชาวต่างชาติ (เราเอง)
  • ใบ Entry/Exit ที่ได้ตอนเราเข้าประเทศบราซิล
  • ใบทะเบียนสมรสเวอร์ชั่นบราซิเลี่ยน (Certidão de Casamento)
  • ID Card ของสามีชาวบราซิล
  • Declaration ที่ระบุว่าเราสองคนอยู่ด้วยกันจริง ไม่ได้แยกกันอยู่ แล้วก็ลงชื่อทั้งคู่สามี-ภรรยา ลงวันที่กำกับท้าย จดหมายด้วย
  • ใบบิลอะไรก็ได้ที่มีที่อยู่ของเราค่ะ เพื่อเอาไปเป็น Proof of Resident (ฟิวส์ใช้บิลค่าโทรศัพท์)
โอเค หลังจากได้เอกสารครบตามลิสต์ข้างต้นแล้ว เราตรงดิ่งไปยัง Cartório ที่ใกล้ๆ บ้านก็ได้ค่ะ เพราะไปทำ Certified Copy เอกสารเฉยๆ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะพอสมควร เพราะว่าเราต้องทำสำเนาเอกสารทั้งหมดอย่างละ 1 ฉบับ  (แต่ไม่ต้องทำสำเนารูปถ่ายนะคะ เอิ้กๆๆๆ) พร้อมกับ ถ่ายสำเนาพาสปอร์ตของเราทุกหน้า ... ย้ำนะคะว่าทุกหน้า รวมทั้งหน้าว่างเปล่าด้วย
รูปเอกสารที่ทำ Certified Copied ครบแล้ว ทำการแยกเป็นชุดๆ พร้อมใบสมัครเตรียมยื่นสมัครวีซ่าค่ะ

หลังจากได้เอกสารครบ สำเนาเอกสารครบ ดาวน์โหลดฟอร์มสมัครวีซ่าและกรอกไปให้เสร็จสรรพเลยนะคะ เค้าจะว่าเอา โอเค พอได้ฤกษ์งามยามดี เราก็เดินทางไป Policia Federal เพื่อสมัครวีซ่ากันค่ะ (ฟิวส์ยื่นวีซ่า ณ วันที่ 26 มีนาคม 2556 ค่ะ) ... เมื่อเข้ามาในตัวอาคารแล้ว ตรงขึ้นไปที่ชั้น 2 เพื่อไปขอจ่ายค่าธรรมเนียมสมครวีซ่าเลยค่ะ (ไม่งั้นต้องเสียเวลาวิ่งขึ้นวิ่งลงมาจ่ายตังค์อีก) พอจ่ายเงินเรียบร้อย ถือใบเสร็จขึ้นไปชั้น 3 รับบัตรคิวที่เคาท์เตอร์ แล้วก็รอเค้าเรียก

พอถึงคิวเรา เอาเอกสารที่เตรียมมายื่นให้คุณ จนท ไป เค้าจะเช็คความครบถ้วน ความถูกต้องเรียบร้อยของเอกสาร ถ้าเราเตรียมมาครบและไม่มีกรอกอะไรผิดพลาดก็ฉลุยแล้วละค่ะ (ฟิวส์แบกเอกสารไปเยอะมาก เพราะกลัวขาดนู่นนี่ ยอมหนัก ยอมบ้าหอบฟางไปดีกว่าเวลาที่เค้าเรียกขอเอกสารอื่นๆ แล้วเราไม่ได้หยิบมา กลัวเจ็บใจตัวเองค่ะ อิอิ) 

ตัวอย่าง Criminal Record Declaration 
เอกสารครบแล้วก็เค้าจะให้เรากระดาษเรามา 1 แผ่น พร้อมกับตัวอย่างข้อความ อันนี้คือ Criminal Record Declaration ค่ะ (เค้าให้เราเขียนเอง ณ เคาท์เตอร์ ต่อหน้าคุณ จนท แล้วเซ็นต์ชื่อกำกับ ลงวันที่ปิดท้าย) ... ตอนแรกฟิวส์กับสามีก็งง เพราะจากที่สอบถามคนที่เคยมีประสบการณ์สมัครวีซ่ามาก่อน เค้าต้องขอใบ Criminal Record มาจากประเทศไทย โชคดีมากๆๆๆๆ คุณ จนท เค้าบอกว่ามีการเปลี่ยนระบบใหม่ได้เดือนกว่าๆ เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ... โอ้ยยย ดีใจสุดๆ สงสัยตระเวรทำบุญกอนมาบราซิลแบบมาราธอน เลยผ่านฉลุยทุกขั้นตอน แถมใช้เอกสารน้อยมาก อิอิ

ใบนัดรับสแตมป์ Protocol Number
นอกเรื่องไปนิดส์ อิอิ... โอเคค่ะ พอยื่น ฟอร์มสมัครวีซ่า เอกสารทั้งหลายแหล่ ใบเสร็จค่าธรรมเนียมสมัครวีซ่า พร้อมกับใบ Criminal Record Declaration ที่เพิ่งเขียนเสร็จ ทีนี้คุณ จนท เค้าก็รับเอกสารไป พร้อมกับให้ใบนัด (รูปด้านซ้ายมือ) ให้กลับใหม่ในอีก 2 วันเพื่อรับ Stamp ซึ่งจะเป็น Protocol Number ของวีซ่าเราใน Passport!!! ยะฮู้



หลังจากได้ประทับ Protocol Number ในพาสปอร์ตแล้ว เค้าก็จะให้ใบนัดเพื่อมาติดตามผลในอีก 15 วัน (ได้รับแสตมป์ Protocol Number ณ วันที่ 28 มีนาคม 2556 และหน้าตามันเป็นแบบนี้ค่ะ)
Protocol Number และใบนัดใบที่ 2 ค่ะ สำหรับมาติดตามผล

หลังจาก 15 วันผ่านไป (วันที่ 12 เมษายน 2556) เรากับไปที่ Policia Federal ใหม่อีกครั้ง (อย่าลืมพกสำเนาหน้าพาสปอร์ตเรา และสำเนาหน้าที่ที Stamp ของ Protocol Number ไปด้วยนะคะ เพราะฟิวส์ต้องออกมาถ่ายสำเนาแล้วเสียเวลาไปต่อคิวอีกรอบ คิวก็ยาวมาก หุหุ) ครั้งนี้หลังจากเข้ามาในตึกแล้ว ก็ตรงไปที่ชั้น 1 (ถาม จนท ที่ประชาสัมพันธ์ได้ค่ะว่าต้องไปตรงไหน) พอเจอเคาท์เตอร์ เค้าจะให้เรากรอกฟอร์มอะไรซักอย่างนี่แหละค่ะ แล้วก็จะได้ใบนัดให้กลับมาที่นี่ใหม่ในอีก 10 วัน (นัดอีกละ)
บัตรนัดค่า


ผ่านไป 10 วัน ฟิวส์ยังไม่มีโอกาสกลับไปติดตามความคืบหน้าของวีซ่าตามที่เค้านัดเลยค่ะ เพราะติดธุระต้องไปนู่นไปนี่ตลอด ตั้งใจว่าอีกวันสองวันจะไป แต่ด้วยความบังเอิญและความโชคดี ที่หลังจากเวลาผ่านไป 11 วัน (วันที่ 23 เมษายน 2556) คุณตำรวจจาก Policia Federal ก็มาทำเซอร์ไพรซ์ แว้บเยี่ยมเยือนถึงบ้าน (มาแบบให้ตกใจเล่น เพราะอยู่ๆ ก็มาเคาะประตูเรียก ทำเอาตกใจหมดเลย) ตามระเบียบของการขอวีซ่าน่ะค่ะ รวดเร็วทันใจมากๆ เพราะได้สอบถามจากคนที่เค้าผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว ส่วนใหญ่จะรอนานมาก ของฟิวส์ประมาณ 1 เดือนจากวันที่ฟิวส์เริ่มกระบวนการยื่นขอ Residency Visa เค้าก็มาเยี่ยมละ อิอิ ... คุณเจ้าหน้าที่ที่มา เค้าก็ซักประวัติเล็กน้อยพอเป็นพิธี ว่าเจอกันได้ยังไง คบกันมานานแค่ไหน แล้วก็คำถามจิปาฐะนู่นนี่อีกนิดหน่อย บลา บลา บลา อ่อ กระบวนการนี้เค้าจะให้เราไปหาพยานซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 มาอยู่ในเหตุการณ์ คอยรับฟังและซักถามด้วยค่ะ (เพื่อนบ้านฟิวส์เค้าอาสามาเป็นพยานบุคคลให้ค่ะ) หลังจากพูดคุยกันเสร็จ คุณเจ้าหน้าที่ตำรวจเค้าแจ้งว่า สามารถเช็คสถานะของวีซ่าเราได้หลังจากนี้อีก 2 อาทิตย์ (นับจากการเยี่ยมครั้งนี้ค่ะ) และ process ของวีซ่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ถ้าโชคดี ก็อาจจะเร็วกว่านั้น ... ภาวนาซ้าธุ ขอให้วีซ่าเสร็จเร็วๆ ทีเท้อ 

     แวะมาอัพเดตอีกครั้งค่ะ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2556 ฟิวส์ไปติดตามความคืบหน้าของ process ของการยื่นวีซ่ามาแล้ว หลังจากที่เลยเวลานัดไปนานหลายวันเลย และก็ได้ใบนี้กลับมา แท่นแท้นนน (ดูรูปขวามือนะคะ) ... ซึ่งหมายความว่า ณ ตอนนี้กระบวนการทุกอย่างในการยื่นสมัครขอ Residency Visa โอเคแล้วค่ะ ทุกอย่างอยู่ในระบบแล้ว เหลือรอแค่ผลวีซ่าอย่างเดียว ซึ่งน่าจะเป็นไปตามที่คาดการไว้ว่าน่าจะประมาณไม่เกินอีก 6 เดือนค่ะ นอนตีพุงรอได้เลย เพราะไม่น่าจะมีอะไรพิดพลาดแล้ว
ส่วนใบนี้ฟิวส์ก็ลืมถามคุณ จนท ที่ Policia Federal ว่ามันเอาไว้ทำอะไรได้มั่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้ามาถึงขั้นตอนนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้วละค่ะ
   
     เอาไว้ถ้าฟิวส์ได้วีซ่ามานอนกอดเมื่อไหร่จะมาอัพเดตให้อีกทีนะคะ สำหรับโพสต์นี้คงจะจบแค่นี้แล้วค่ะ เพราะได้เขียนบอกทุกขั้นตอนที่ฟิวส์ได้มีประสบการณ์ตรงในการยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเองแล้ว ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจ หรืองงตรงส่วนไหนที่ฟิวส์เขียนก็ซักถามได้ค่ะ ^.^





*หวังว่าข้อมูลนี้จะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กะลังเตรียมตัวจะยื่นขอวีซ่านะคะ โชคดีค่ะ :)







วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

แต่งงานกับชาวบราซิเลี่ยน ในประเทศไทย


จะขอแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับเอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้สำหรับทำเรื่องแต่งงานกับสามีชาวบราซิลในประเทศไทยนะคะ เผื่อจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆ บ้างไม่มากก็น้อย

การจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติในประเทศไทย (ภายใต้กฎหมายไทย) สบายใจได้เลยค่ะ เนื่องจากสำหรับคนไทยนั้น ไม่จำเป็นต้องมีการตระเตรียมเอกสารให้ยุ่งยากลำบากใจเลย จะหนักไปทางคู่สมรสชาวต่างชาติค่ะ แต่ก่อนจะร่ายรายละเอียดเกี่ยวกับ List เอกสาร ฟิวส์ขออนุญาติแบ่งขั้นตอนการแต่งงานออกเป็น 3 ขั้นตอนนะคะ มีดังต่อไปนี้

ขั้นที่ 1: การเตรียมเอกสารสำหรับขอจดทะเบียนสมรส (Document Preparation)

หากเราและว่าที่สามีชาวต่างชาติ (กรณีนี้คือชาวบราซิลนะคะ แต่ละชาติอาจจะต้องการใช้เอกสารแตกต่างกันไป ต้องเช็คกับทางสถานทูตของประเทศนั้นๆ อีกทีเพื่อความชัวร์ค่ะ) ตกลงปลงใจจะแต่งงาน จดทะเบียนสมรสกัน เราจะต้องเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้ครบก่อนจะพากันไปจดทะเบียนสมรสที่อำเภอค่ะ 

        คนไทย
    • บัตรประจำตัวประชาชน (ตัวจริง)
    • ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
        คู่สมรสชาวบราซิล
    • Passport (ตัวจริง และ สำเนา)
    • ใบรับรองสถานะของคู่สมรส ออกให้โดยสถานทูตบราซิลในประเทศไทย (การขอใบรับรองนี้ สถานทูตบราซิลจะออกเอกสารที่ระบุถึง สถานภาพทางการสมรส อาชีพ เงินเดือน และข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของคุณคู่สมรส โดยจะต้องนำใบเกิดตัวจริงมายื่นขอพร้อมกับใบ Declaration จากที่ทำงาน)
    • จดหมายรับรองจากพยาน 2 คน เพื่อยืนยันว่าคู่สมรสของเราโสดจริง (กรณีของสามีฟิวส์ คุณพ่อคุณแม่ของสามีเขียนจดหมายรับรอง เซ็นต์ชื่อกำกับ และลงวันที่ไว้ที่ท้ายจดหมาย แล้วส่งจดหมายจากบราซิลมาไทย ใช้เวลาประมาณ 2 วีค)
                          หมายเหตุ  เอกสารทั้งสอง (ใบรับรองสถานะ และ จดหมายจากพยาน 2 คน) จะต้องแปลเป็นภาษาไทย 
                                             แล้วเอาไปรับรองการแปลที่กระทรวงต่างประเทศก่อนนะคะ จึงจะสามารถเอามาใช้ได้ 



ขั้นที่ 2: การยื่นขอจดทะเบียนสมรส (Thai Marriage Registration)

หลังจากที่เอกสารพร้อมแล้ว วันจดทะเบียนสมรสเราจะต้องเตรียมพยานไปด้วย 2 คน (ฟิวส์พาผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่ไปเป็นพยานรักของฟิวส์กับสามีค่ะ อิอิ) 

เราก็จูงมือพากันไปยังอำเภอ (พอดีฟิวส์จดทะเบียนสมรสที่ต่างจังหวัดค่ะ) ตรงดิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ แจ้งความประสงค์ว่าจะมาจดทะเบียนสมรสกัน เค้าก็จะมีการซักประวัติ และกรอกฟอร์มให้เรา (เรื่องฟอร์มนี่ฟิวส์ไม่ทราบจริงๆ นะคะว่าหน้าตามันเป็นยังไง เพราะว่า จนท ที่อำเภอเค้าจัดการให้หมดทางคอมพิวเตอร์ แต่เห็นที่อื่นเค้าให้เรากรอกเอง) ส่วนการซักประวัติว่าที่สามีก็พอเป็นพิธีค่ะ จริงๆ เค้าซักเรามากว่าค่ะ เพราะ จนท เค้าบอกว่าเค้าไม่กล้าสปี๊คอิงลิช อิอิ ก็จะถามประมาณว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ทำงานอะไร พอแต่งงานกันแล้วแพลนในอนาคตจะยังไง อยู่เมืองไทยต่อ รึว่าจะพากันกลับไปอยู่บราซิล บลา บลา บลา ดีหน่อยที่พอจะรู้จักมักคุ้นกับคุณ จนท ที่อำเภอ เลยไม่ค่อยรู้สึกกดดันเท่าที่คิดไว้ 

หลังจากกรอกแบบฟอร์มเสร็จ ตรวจสอบเอกสารว่าครบ จากนั้นก็ได้เวลาเซ็นต์ชื่อในใบทะเบียนสมรสกัน ณ ตอนนั้นตื่นเต้นมากกก ลายมือออกมาเลยไม่สวยเท่าไหร่ 

หลังจากจดทะเบียนอะไรเสร็จ ก็จัดการเปลี่ยนมาใช้คำนำหน้าจากคำว่า นางสาว มาเป็น นาง และเปลี่ยนมาใช้นามสกุลสามี ซึ่ง จนท เค้าก็จัดการให้เสร็จอย่างรวดเร็ว ทำบัตรประชาชนใหม่ต่อเลย พอเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง ทุกขั้นตอนแล้วก็ถ่ายรูปกับคุณ จนท ไว้เป็นที่ระลึกกันซักรูปก่อนกลับ อิอิ

(ปล. อย่าลืมตรวจทานเอกสารทุกอย่างโดยละเอียด เพื่อความถูกต้องก่อนจะกลับด้วยนะคะ เพราะว่าหากมีข้อผิดพลาดจะยุ่งยาก และใช้เวลานานมากกว่าจะแก้ไขได้ ... เจอมากับตัวเลยค่ะ เพราะงั้นกันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ หุหุ)

เสร็จแล้ววววววว รวดเร็วทันใจ จนไม่ทันตั้งตัวเลย ว่านี่ชั้นแต่งงานแล้วจริงๆ หรอ เอิ้กๆๆๆๆ เขิล!!!





ขั้นที่ 3: Marriage Registration in the Embassy of Brazil

หลังจากได้ใบทะเบียนสมรสมานอนกอดแล้ว ยังนะคะยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจฟิชโช่ของเรา เราจะต้องให้ทางสถานทูตทำการลงทะเบียนการจดทะเบียนสมรสด้วย โดยก่อนที่จะก้าวกระโดดไปยังสถานทูต เราต้องเตรียมรื้อค้นหาเอกสารเหล่านี้เพื่อใช้ในการขอรับรองการสมรสของเราค่ะ
  • ใบเกิดตัวจริง
  • ทะเบียนบ้านตัวจริง
  • Passport 
  • เอกสารแต่งงาน: ใบทะเบียนสมรส (คร. 2), ใบสำคัญสมรส (คร. 3), ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (กรณีที่เราเปลี่ยนมาใช้นามสกุลสามี)

หลังจากที่ได้เอกสารทั้งหมดแล้ว เราต้องเอาเอกสารเหล่านี้ไปแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษก่อน  (ยกเว้น Passport นะคะ ไม่ต้องแปล) แล้วเอาเอกสารฉบับแปลทั้งหมดไปยื่นรับรองการแปลที่กระทรวงต่างประเทศด้วยอีกทีค่ะ (ยื่นพร้อมตัวจริงนะคะ เพราะฉนั้นต้องเอาตัวจริงไปด้วย) 
เอกสารที่ได้จากสถานทูตค่ะ
จากนั้นก็เอกทุกสิ่งอย่างหอบไปยังสถานทูตบราซิล กรอกฟอร์ม (สอบถามเจ้าหน้าที่ที่สถานทูตได้ค่ะ ฟิวส์จำไม่ได้แล้วว่ามันเรียกว่าอะไร) แล้วก็ชำระค่าธรรมเนียม จากนั้นรอรับเอกสารในอีก 3 วันทำการ นับจากวันที่ยื่นขอ แต่วันนั้นฟิวส์ไป จนท ใจดี เลยได้ใบมาภายในวันนั้นเลย อิอิ และหน้าตาใบที่ว่านี้มันคือใบนี้นี่เอง (รูปทางขวามือค่ะ)

เอาเป็นว่าเรียบร้อยโรงเรียนไทย เอกสารที่ได้มานี้สำคัญนะคะ เพราะต้องเอาไปใช้ในบราซิลหลังจากนี้ค่ะ เก็บรักษาให้ดีๆ น้า :)

หวังว่าข้อมูลจากประสบการณ์ส่วนตัวของฟิวส์คงจะพอเป็นไกด์ไลน์ได้บ้างนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

ก้าวเล็กๆ ในบราซิล

เมื่อก่อนหากพูดถึงประเทศบราซิล ... ฟิวส์จะคิดถึงประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก นักฟุตบอลดังๆ ตัวโตๆ ผิวคล้ำๆ อากาศร้อนๆ อบอ้าว แล้วก็การเต้นแซมบ้า (ที่เคยได้แต่พูดถึง แต่ไม่รู้หรอกว่ามันเต้นยังไง) จบข่าว! หากแต่ชะตาฟ้าลิขิตให้ได้พบเจอกับเนื้อคู่เป็นพลเมืองแซมบ้า จึงทำให้โลกทัศน์ได้เปิดกว้างขึ้น และสุดท้ายก็ถึงบางอ้อว่า ประเทศบราซิลช่างมีอะไรให้ประหลาดใจมากมายเหลือเกิน

เอาเป็นว่าก่อนจะพูดกันไปถึงจุดนั้น ขออนุญาตแนะนำข้อมูลพื้นฐานของประเทศบราซิลแบบให้รับทราบกันคร่าวๆ ก่อนแล้วกันนะคะ (อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก http://www.bkkfly.com/N_brazil.html)



        ชื่อทางการ:  สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล (Federative Republic of Brazil)

        พื้นที่:  บราซิลมีพื้นที่ประมาณ 8.51 ล้าน ตร.กม. เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกา และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก 

        พรมแดน:  มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศอุรุกวัย อาร์เจนตินา ปารากวัย โบลิเวีย เปรู โคลอมเบีย เวเนซุเอลา กายอานา 
        ซูรินาเม และดินแดนเฟรนช์เกียนา (ทุกประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ยกเว้นเอกวาดอร์และชิลี)

        ประชากร:  ประมาณ 186 ล้านคน  

        การปกครอง:  ระบอบสาธารณรัฐ ประกอบด้วย 26 รัฐ และ 1 เขตสหพันธ์ (Federal District) ซึ่งเทียบเท่ารัฐ และในเขต
        ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของกรุงบราซิเลีย ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศบราซิล 

        เชื้อชาติ:  บราซิลมีประชากรหลายเชื้อชาติและหลายเผ่าพันธุ์รวมกัน โดยชาวยุโรปเริ่มเข้ามายึดครองดินแดนจากชน
        เผ่าดั้งเดิม ซึ่งเป็นชาวอินเดียนแดงเมื่อปี พ.ศ. 2043 หรือ 500 ปีที่แล้ว ประชากรของประเทศประกอบด้วยคนเชื้อสาย
        ยุโรป ประมาณร้อยละ 53.7 คนเชื้อสายผสม(ผิวขาวกับผิวดำ)ประมาณร้อยละ 38.5 คนผิวดำประมาณร้อยละ 6.2   
        นอกจากนั้นเป็นชาวญี่ปุ่น อาหรับ อเมรินเดียน 

        ศาสนา:  ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิค 

        ภาษา:  โปรตุเกส

        สกุลเงิน:  สกุลเงินของบราซิลคือ เฮอัล (Real) 

        อาชีพ:  ประชากรประกอบอาชีพในภาคบริการร้อยละ 66 ภาคเกษตรกรรมร้อยละ 20 ภาคอุตสาหกรรมร้อยละ 14  

        ทรัพยากร:  บราซิลอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ เหล็ก ทองคำ ถ่านหิน น้ำมัน นิคเกิล ยูเรเนียม ไม้ซุง แร่   
        ดิบ และแร่รัตนชาติ ดังนั้น บราซิลจึงเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่ใหญ่แห่งหนึ่งของโลก 

        อากาศ:  ทางตอนเหนือมีสภาพภูมิอากาศเป็นเขตร้อนชื้น ส่วนทางใต้จะมีสภาพอากาศอบอุ่นและหนาว บราซิลมี 4 ฤดู 
        คล้ายกับทางยุโรป แต่จะตรงข้ามกับทวีปยุโรป กล่าวคือ ฤดูหนาวในยุโรปจะเป็นฤดูร้อนในบราซิล และฤดูร้อนในยุโรปจะ
        เป็นฤดูหนาวในบราซิล 
                    ฤดูร้อน (ประมาณธันวาคม- กุมภาพันธ์) อุณหภูมิจะอยู่ระดับ 23 - 30 องศาเซลเซียส
                    ฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณมีนาคม - พฤษภาคม) อุณหภูมิจะอยู่ระดับ  องศาเซลเซียส
                    ฤดูหนาว (ประมาณมิถุนายน - สิงหาคม) อุณหภูมิจะอยู่ระดับ 17 - 24 องศาเซลเซียส
                    ฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณกันยายน - พฤศจิกายน) อุณหภูมิจะอยู่ระดับ 17 - 24 องศาเซลเซียส

        เวลา:  เวลาของบราซิลช้ากว่าเวลามาตราฐานกรีนิช 3 หรือ 4 ชั่วโมง ดังนั้นเวลาในบราซิลจึงช้ากว่าประเทศไทย 9 หรือ    
        10 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการปรับเวลาในฤดูร้อน  หรือที่เรียกว่า Daylight Saving Time)

        ชาวบราซิล:  ชาวบราซิลมีนิสัยรักความสนุกสนานเฮฮา และโดยส่วนใหญ่มีอัธยาศัยดี และเอื้อเฟื้อต่อชาวต่างชาติ 


เอาละค่ะ พอจะรู้จักบราซิลพอหอมปากหอมคอแล้วบ้าง ทีนี้จะขอแชร์ประสบการณ์ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มพอหอมปากหอมคอหน่อยนะคะ 

หลังจากเกิดอุบัติเหตุรักที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในแคนาดาในปี 2007 ฟิวส์และหนุ่มแซมบ้านายนี้เริ่มคบหาสมาคมกัน ปี 2008 ฟิวส์กลับมาเรียนต่อโทที่เมืองไทยค่ะ หนุ่มแซมบ้าเค้าเลยตัดสินใจย้ายฐานทัพสำมะโนครัวตามหญิงไทยบ้านนา มาเรียนอยู่เมืองไทยด้วยกันเตั้งแต่นั้นมา ในปี 2009 เค้ากลับไปเยี่ยมครอบครัวช่วงซัมเมอร์ หลังจากเค้ากลับบ้านได้ไม่นาน ที่บ้านเค้าก็ปุบปับเกิดอยากเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตขึ้นมา เลยเป็นปีแรกที่ฟิวส์ได้มีโอกาสมาเยือนบราซิลถึงที่ (มิใช่แค่ในโลกออนไลน์) แบบไม่ทันตั้งตัว คลับคล้ายคลับคลาว่าตอนนั้นเพิ่งจะสอบ final เสร็จ วิ่งออกจากห้องสอบ โบกพี่แท็กซี่กลับที่พัก แพ็คกระเป๋าเดินทาง ยัดอะไรไปได้ก็ยัด และด้วยความเข้าใจที่ว่าบราซิลต้องซุปเปอร์ร้อน จึงแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดบางเบาพริ้วไหว เพื่อความสบายตัว เนื่องจากส่วนตัวแล้วเป็นคนขี้ร้อนพอตัว ถือพาสปอร์ต eTicket แล้วก็โบกพี่แท็กซี่ดิ่งไปสนามบินแทบไม่ทัน ... โอเค ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ฉายเดี่ยวนั่งเครื่องบินจนมาถึงที่หมายปลายทาง ณ เซาเปาโลซิตี้ พบปะครอบครัวคุณว่าที่แล้ว ก้าวแรกที่ออกมาจากสนามบิน โอ้ว แม่เจ้าาา มันหนาว(กว่าความคาดหมาย)มากกก เนื่องจากช่วงที่มาถึงเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงของที่นี่ ลมหนาวกำลังเริ่มมาเยือน และที่สำคัญนี่ยังไม่ใช่ช่วงที่หนาวที่สุดของบราซิล เออ เอาเข้าไป เพราะความรีบร้อนจึงขาดการเตรียมตัว เตรียมความพร้อม และแล้วทั้งทริป เสื้อผ้าที่ตระเตรียมยัดกระหน่ำมาเป็นอันว่าแทบจะไม่ได้ใส่ ต้องมาสอยใหม่หมด ทั้งเสื้อกันหนาวเอย ผ้าพันคอเอย กางเกงขายาวเอย ประสบประการณ์แรก สามารถสรุปได้ว่า บราซิลไม่ได้ร้อนตลอดปี และไม่ได้ร้อนจัดอย่างที่คิด มันก็มีช่วงที่หนาว (มาก) ด้วยนะ ทริปต่อไปไม่มีพลาด ^^

หลายๆ คน รวมถึงตัวฟิวส์เองก็ด้วย ที่แอบเข้าใจผิดมาตลอดว่า คนบราซิลเค้าสปี๊คภาษาสเปนกัน อาจเป็นเพราะปัจจัยทั้งหลายแหล่ขอไม่สาธยาย ที่ทำให้เราไม่ค่อยมีความรู้รอบตัวมากนักเกี่ยวกับประเทศนี้ จึง assume กันไปว่าคนที่นี่เค้าใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการกัน ซึ่งจริงๆ แล้วคนบราซิลใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการตะหาก ... (คิดในใจ) เรื่องแค่นี้มิได้แอ้มอิชั้นหรอก อิอิ เพราะฟิวส์ลงทุนท่องโลกออนไลน์เรียนภาษาสำหรับการทักทายเบื้องต้นไปนิดหน่อย แบบว่าอยากให้พ่อแม่คุณว่าที่ประทับใจนินา ... ณ โมเม้นต์แรกที่เจอกัน ด้วยความมั่นใจเต็มร้อย ฟิวส์เลยร่ายประโยคทักทายเก๋ๆ ไปว่า Ola! Como estas? (แปล สวัสดีค่า สบายดีไหมคะ?) เค้าก็ตอบกลับมาด้วยหน้างงๆ ทุกอย่างดำเนินผ่านไปด้วยดี พอถึงบ้านสามี เค้าแอบกระซิบเบาๆ บอกว่า ตัวเอง ที่ตะเองพูดกะพ่อแม่เค้าเมื่อกี้อ่ะ มันเป็นภาษาเสปนอ่ะ ภาษาโปรตุเกสมันต้องเป็น Oi! Tudo bem? นะที่ร้าก ... ไอ้หยะ หน้าแตกเพล้ง มิใช่ตรงที่พูดผิดภาษาใส่พ่อแม่แฟนนะ แต่อายตรงที่เปิ่นมากไม่ได้ดูเล้ยยย ว่าที่เรียนมาอ่ะ เป็นภาษาสเปน และที่สำคัญ มันแค่ใกล้เคียงกับภาษาโปรตุเกส (เหมือนๆ กับภาษาไทย - ภาษาลาว ไม่ใช่ แต่ใกล้เคียง) แต่อิฮั้นแยกไม่ออก! โอ้ว มายก้อด หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ ... ดีที่พ่อแม่คุณว่าที่ซะมีเค้าก็ใจดี๊ ดี ไม่ขำเราซักคำ คงสงสารสงสารว่าที่ลูกสะใภ้กริงกะ อิอิ 

... จริงๆ มีเหตุการณ์หน้าแตกเยอะแยะมากมาย แต่ เอ ชักจะยาวไป เอาไว้มาต่อโพสต์หน้าดีกว่า (ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะเพ้อเจ้อ เขียนได้ยาวขนาดนี้ ^^")